วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

อาการคนท้องเป็นยังไงบ้างนะ



อาการคนท้องมีวิธีสังเกตุด้วยตัวเองง่ายๆ ดังนี้

  •  ประจำเดือนไม่มา อันนี้แน่นอนค่ะ เป็นสิ่งแรกที่ต้องดูก่อนเลย
  •  คัดเต้านม ให้ดูว่ามีอาการคัดเต้านมหรือปล่าว ถ้ามีก็มีโอกาสท้องค่ะ
  •  อยากทานอาหารแปลกๆ ถ้ามีอาการนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของอาการคนท้องค่ะ
  •  จมูกไวต่อกลิ่น คนท้องจมูกจะไวต่อกลิ่นมากๆค่ะ
  •  อาเจียน วิงเวียนศีรษะ เป็นอาการคนท้องยอดฮิตเลยค่ะ อาการนี้
  •  อ่อนเพลีย อยากพักผ่อน คนท้องส่วนใหญ่ก็จะมีอาการอ่อนเพลียอยากพักผ่อนมากขึ้นค่ะ
  •  อารมณ์แปรปรวน คนท้องอารมณ์จะค่อนข้างแปรปรวนเปลี่ยนแปลงบ่อยค่ะ
  •  ปัสสาวะบ่อยขึ้น เป็นอีกหนึ่งอาการค่ะ
  •  ท้องผูก ก็เป็นอีกหนึ่งอาการคนท้องค่ะ


ทั้งหมดนี้เป็นอาการคนท้องที่มักจะพบบ่อย ถ้ามีอาการทั้งหมดที่ว่ามานี้ ก็มีโอกาสมากที่คุณจะมีการตั้งครรภ์ แต่ถ้าอยากเอาชัวร์ไปพบแพทย์จะชัวร์กว่า

หวังว่าความรู้นี้คงมีประโยชน์กับคนที่อยากรู้ว่าอาการคนท้องเป็นอย่างไร ได้บ้างไม่มากก็น้อย

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

พัฒนาการของเด็กในครรภ์ 22 สัปดาห์



พัฒนาการทารกในครรภ์

ลูกน้อยของคุณอยู่ในครรภ์ไม่ได้เป็นเด็กเล็กอีกต่อไป ตอนนี้ผมมีความยาวลำตัวจาก 27-28 ซม. และน้ำหนักประมาณ 255 กรัมจากรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ ในเวลาเดียวกันความสามารถในการได้ยินและรับรู้มันพัฒนาตามลำดับ ทารกในครรภ์จะเริ่มตอบสนองกับเสียงของแม่ของคุณมากขึ้น ดังนั้นการใช้เพลงจากนี้เป็นต้นไประยะเวลากระตุ้นเซลล์ของสมอง การปรากฏตัวของทารกในครรภ์จะมีลักษณะคล้ายลักษณะทั่วไปของทารกแรกเกิด แม้ว่าผิวยังคงโปร่งแสงและชั้นของไขมันไม่ครอบคลุมพวกเขาขึ้น

การเปลี่ยนแปลงแม่ของคุณ

ในระหว่างพัฒนาการทารกในครรภ์ ผิวเพื่อกักเก็บน้ำมากกว่าปกติในการช่วยให้ผิวของคุณดูอ่อนกว่าวัย และเผยผิวกระจ่างใสขึ้น นอกจากนี้การไหลเวียนโลหิตที่เพิ่มขึ้น ผิวของคุณจะทำให้เธอดูมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อสุขภาพ ที่มาของคำบ่งบอกว่า "เหมือนน้ำอ่อน" ตัวเอง แต่ การตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดปัญหาสิวผู้เข้าชมเช่นกัน เนื่องจากสูงกว่าระดับปกติของฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นไขมันผิวหนัง (Sebum) เพื่อให้ครีมบำรุงผิวที่เหมาะสม ถ้าคุณใช้มากเกินไปอาจทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขนซึ่งผลในการดำขลับและรอยเปื้อน หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับสิว เสมอสะอาดผิวของคุณด้วยน้ำยาทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยนและน้ำมันชุ่มชื้นปราศจากไขมัน หลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือสิวบีบ และเราแนะนำให้คุณไม่ได้ใช้ครีมสิวที่ไ​​ม่ได้กำหนดโดยแพทย์ ประมาณ 2-3 สัปดาห์หลังคลอดผิวของคุณจะกลับมาเป็นปกติได้ด้วยตัวเองยัง ผิวหนังจะมีความไวต่อสิ่งเร้าในระหว่างตั้งครรภ์ไม่ได้เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของระดับฮอร์โมน แต่เนื่องจากผิวยืดและละเอียดอ่อนมากขึ้น หากคุณมีผิวแห้งหรือระคายเคือง หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดหรือใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ความชุ่มชื้นและบำรุงผิวเสมอ อาจจะใช้โลชั่นเพิ่มความชุ่มชื้นหลังจากอาบน้ำกับมัน สวมใส่เสื้อผ้าทอจากเส้นใยธรรมชาติเช่นไฟที่ชัดเจน ผ้าฝ้ายหรือผ้าลินิน หากคุณสงสัยว่าบางส่วนของรายการที่ใช้อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ฉันสังเกตและพยายามที่จะหลีกเลี่ยงพวกเขาในขณะที่คุณใช้ผงซักฟอกหรือน้ำหอม

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

อาการแพ้ท้องจากการตั้งครรภ์



อาการแพ้ท้องเป็นอาการที่พบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ทั้งหลาย พบได้ประมาณร้อยละ 80 เลยทีเดียวที่ภายหลังตั้งครรภ์ไม่นาน จะเริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศรีษะ อ่อนเพลีย ซึ่งอาการเหล่านี้เรียกรวมๆ กันว่า “แพ้ท้อง” เพราะเดิมทีเคยมีผู้สังเกตว่าอาการสารพัดที่ว่าของคุณแม่ท้องมักเกิดตอนเช้า จากประสบการณ์ที่ดูแลคุณแม่มาไม่น้อยผมว่าอาการแพ้ท้องเป็นได้ตลอดไม่เลือกเวลาหรอกครับ ความรุนแรงของการแพ้ท้องที่พบในหญิงตั้งครรภ์แต่ละคนไม่เท่ากันหรอกครับหรือแม้แต่ในหญิงตั้งครรภ์แต่ละคนไม่เท่ากันหรอกครับหรือแม้แต่ในหญิงตั้งครรภ์คนเดียวกัน แต่เป็นการตั้งครรภ์คนละครั้ง อาการแพ้ท้องก็ยังไม่เท่ากันเลยค่ะ ในทางการแพทย์ เราแบ่งอาการแพ้ท้องออกเป็น 3 ระดับง่ายๆ คือ แพ้ท้องเล็กน้อย ปานกลาง และรุนแรง
แพ้ท้องเล็กน้อย กรณีนี้คุณแม่อาจมีอาการคลื่นไส้เล็กน้อย เวียนศรีษะเล็กน้อย แต่ก็ยังพอรับประทานอาหารได้แม้ว่าจะรับประทานได้น้อยลงไปบ้างก็ตาม กรณีที่เป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องให้การดูแลอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่แนะนำให้รับประทานอาหารให้ถูกวิธีก็พอ
แพ้ท้องปานกลาง คุณแม่ในกลุ่มนี้จะคลื่นไส้มากกว่ากลุ่มแรก อาจมีอาการอาเจียนเป็นครั้งคราว รับประทานอาหารไม่ได้เป็นช่วงๆ ปัสสาวะสีเข้มขึ้น ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายขาดน้ำ กลุ่มนี้บางทีอาจจะต้องรับไว้ในโรงพยาบาลเพื่อให้น้ำเกลือและยาแก้อาเจียน รวมทั้งการแนะนำให้ปรับวิธีรับประทานอาหาร อาการแพ้ท้องก็จะบรรเทาลงได้
แพ้ท้องรุนแรง คุณแม่ในกลุ่มนี้มักจะรับประทานอะไรไมได้เลย ทานเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมด จนร่างกายขาดทั้งน้ำและอาหาร ซึ่งแสดงให้เห็นโดยจะตรวจพบว่าสภาพร่างกายดูทรุดโทรม ตาลึก ปากแห้ง ผิวหนังเหี่ยว ปัสสาวะสีเข้มเป็นสีขมิ้นถ้าพบคุณแม่ในกลุ่มนี้ล่ะก็หนีไม่พ้นที่จะต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล พวกนี้ต้องได้รับน้ำเกลือและน้ำอย่างเต็มที่ มิฉะนั้นอาจจะเป็นอันตราย เพราะถ้าร่างกายขาดน้ำมากๆ อาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ไตวาย ฯลฯ คุณแม่ในกลุ่มนี้บางคนอาเจียนจนหลอดเลือดที่อยู่บริเวณหลอดอาหารมีการฉีกขาด ทำให้เวลาอาเจียนจะเห็นเลือดปนมากับเศษอาหาร บางคนอาเจียนออกมาแล้วได้น้ำสีเหลืองๆ รู้สึกขมคอมากก็มี อาการหลังที่ว่านี้เกิดจากการอาเจียนมากจนไปกระตุ้นให้น้ำดีทะลักออกมาด้วย
การดูแลตัวเองเมื่อมีอาการแพ้ท้อง
สำหรับการดูแลรักษาอาการแพ้ท้องแบ่งออกเป็น 2 วิธีคือ
1. รักษาจากเหตุที่ทำให้แพ้ท้อง กรณีของคุณเพชรและคุณพลอยซึ่งเป็นการตั้งครรภ์ปกติและครรภ์แฝด ก็คงจะให้ฝากครรภ์ต่อและรักษาแบบประคับประคองต่อไป แต่ถ้าเป็นกรณีของคุณไข่มุกที่ตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกซึ่งเป็นการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติชนิดหนึ่ง ก็ต้องรักษาด้วยการยุติการตั้งครรภ์โดยการขูดมดลูก ก็จะทำให้อาการแพ้ท้องหายไป
2. รักษาแบบประคับประคอง เป็นการดูแลเพื่อช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องที่เกิดขึ้น
  • ปรับเรื่องอาหารการกิน 
  • ให้ยาช่วย 
  • ให้น้ำเกลือ
  • ดูแลจิตใจ 


แพ้ท้องอันตรายหรือไม่
จริงๆ แล้วอาการแพ้ท้องไม่ใช่ตัวโรคแต่เป็นผลจากการตั้งครรภ์ ซึ่งอาจจะเป็นการตั้งครรภ์ที่ปกติและผิดปกติก็ได้ ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างคนไข้ทั้ง 3 รายข้างต้นและตัวอาการแพ้ท้องเองจะหายไปได้เองอยู่แล้วเมื่อการตั้งครรภ์ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ คุณแม่หลายคนกังวลว่า การมีอาการแพ้ท้องโดยเฉพาะการแพ้ท้องที่รุนแรงจะทำให้ตัวเองและลูกในครรภ์เป็นอันตรายหรือไม่ ผมอยากเรียนว่าถ้าการแพ้ท้องนั้นเป็นในคนที่มีการตั้งครรภ์ปกติ ผมยังไม่เคยเห็นคุณแม่คนไหนแพ้ท้องจนตายเลย เช่นเดียวกับลูกในครรภ์ ต่อให้แม่อ้วกแตกอ้วกแตนจนน้ำหนักลดไป 5-10 กิโลกรัม ลูกในครรภ์ก็ยังอยู่ได้ปกติดี เนื่องจากลูกจะดึงเอาสารอาหารในตัวแม่จากไขมัน ตับ กล้ามเนื้อ มาใช้แทนอาหารที่ขาดแคลนไป ซึ่งปริมาณอาหารจากแหล่งต่างๆ เหล่านี้นี้เหลือเพียงพอที่จะเลี้ยงลูก เพราะในช่วงไตรมาสแรกที่แพ้ท้องลูกในครรภ์ยังตัวเล็กมารก แต่ประมาณปลายเล็บเท่านั้นเอง จึงไม่ได้ใช้อาหารอะไรมากเลย

อาการแพ้ท้องเป็นอาการปกติของหญิงตั้งครรภ์ มักจะเป็นช่วงแรกของการตั้งครรภ์และจะหายไปได้เองเมื่อพ้นไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ การรักษาแบบประคับประคอง รับประทานยาที่จำเป็น ปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหารและการช่วยเหลือดูแลจากครอบครัวและคนรักอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณแม่ผ่านพ้นภาวะยากลำบากนี้ไปได้อย่างไรก็ตามอาการแพ้ท้องอาจเกิดจากโรคหรือความผิดปกติของการตั้งครรภ์ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นก่อนจะให้การดูแลรักษากันต่อไป ควรให้คุณหมอวินิจฉัยเสียก่อนว่าเป็นการตั้งครรภ์ปกติขอให้คุณแม่ตั้งครรภ์ทุกท่านสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ และผ่านพ้นช่วงเวลาของการแพ้ท้องได้อย่างราบรื่นค่ะ